วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557
Line Group ของคุณถูกสอดแนมหรือไม่?
ทีมงานรายการ I like IT ตรวจสอบประวัติการสนทนาในกลุ่มไลน์(Line Group) หลายกลุ่มพบว่ามีจำนวนผู้อ่าน(Read) มากกว่าจำนวนสมาชิกในกลุ่ม(Member) ซึ่งนั่นอาจหมายถึง มีใครบางคนที่มิได้อยู่ในกลุ่ม แต่สามารถแอบอ่านบทสนทนาของได้หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นความปลอดภัยของการใช้ Line ทั่วโลกเกือบ 600 ล้านบัญชี คงหมดไปในทันที
จากการสังเกตุและเก็บข้อมูลสถิติ พบว่าในกลุ่มไลน์ที่มีจำนวนสมาชิกมากเกิน 10 คนขึ้นไป หากย้อนดูประวัติการสนทนาที่ถูกเก็บไว้นานเกิน 5 วัน มักมีจำนวนผู้อ่านมากกว่าจำนวนสมาชิกในกลุ่ม ตั้งแต่เกินมา 2-3 คน ไปจนถึงมากเกิน 2-3 เท่าจากจำนวนสมาชิก ยิ่งย้อนหลังนานจำนวนผู้อ่านก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มใดที่มีสมาชิกไม่ถึง 10 คน ขณะนี้ทีมงานยังไม่พบปัญหาดังกล่าว
ทีมงานสอบถาม น.ส.วารดี วสวานนท์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไลน์ ประเทศไทย แจ้งว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นกับฝ่ายเทคนิคประเทศญี่ปุ่น พบว่าเป็นความผิดพลาดทางระบบคอมพิวเตอร์(bug)ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น โดยระบบนับจำนวนผู้อ่านซ้ำกันเองภายในกลุ่ม ทำให้แสดงตัวเลขผู้อ่าน(Read)ผิดพลาด ซึ่งจะมีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ยืนยันการใช้ไลน์มีความปลอดภัยสูง ทุกข้อความที่มีการสนทนากันต้องถูกเข้ารหัส(Code)ที่เซิร์ฟเวอร์ทุกครั้ง ไม่สามารถสอดแนมกลางทางได้
แม้ความผิดพลาดทางระบบคอมพิวเตอร์(bug)จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่ผู้ใช้งานก็ยังไม่สบายใจทั้งหมด โดยพบว่าเริ่มมีการส่งต่อข้อความ(forword)ในลักษณะการถูกสอดแนม หรือแอบอ่านจากบุคคลอื่นนอกกลุ่ม และพาลโทษว่าสาเหตุเกิดจากการโหลดสติ๊กเกอร์ฟรีมักไม่ปลอดภัย และที่เลวร้ายที่สุดพบว่าหลายคนต้องปิดห้องกลุ่มหนี เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ระหว่างที่ข้อสงสัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไข ทีมงาน I like IT แนะนำข้อปฏิบัติเบื้องต้น
1) ควรลบห้องสนทนาทุกครั้ง เมื่อสนทนาเสร็จสิ้นทั้งแบบห้องส่วนตัวและห้องกลุ่ม โดยกดที่ห้องสนทนาค้างไว้ แล้วเลือกลบ เพื่อป้องกันการถูกอ่านย้อนหลัง
2) ปิดการเชิญกลุ่มด้วยลิงก์หรือคิวอาร์โค้ด โดยเข้าไปที่การตั้งค่าของกลุ่ม เพื่อป้องการนำลิงก์เชิญเข้าร่วมกลุ่มไปให้ผู้ที่มิได้ระบเชิญ
3) ปิดผู้ใช้ส่วนร่วม โดยเข้าไปที่การตั้งค่า บัญชี เลือกปิดการอนุญาต(allow login) เพื่อป้องกันการเข้าใช้บัญชีจากมิจฉาชีพ
อัพเดท แลกเปลี่ยนข้อมูล และถามตอบกันหน้าไมค์เรื่องitได้ ในรายการ I like IT ทางสถานีวิทยุจส.100 FM100 ทุกคืนวันเสาร์ เวลา20.00-23.00น. ฟังออนไลน์ที่ www.js100.com/live
DJ :อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
ป้ายกำกับ:
จส.100,
ดีเจ,
อภิสุข,
อู,
แฮค,
Abhisuk,
js100radio,
line,
reporter_js13,
vevisid
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ทำความรู้จัก Blind Spot ของคนขับรถ
เมื่อ 17-19พ.ย. ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเข้าสัมมนา Toyota DJ ในกิจกรรม Vigo Champ Club เชิญผู้ดำเนินรายการจากสถานีวิทยุทั่วประเทศเข้าอบรมการขับขี่ปลอดภัย ตั้งแต่การทบทวนสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดแต่ละดวง ไปจนถึงจุดบอดรอบนอกรถที่เรียกว่า Blind Spot มีทีมนักแข่งรถและวิศวกรโตโยต้านำโดย คุณมนูสาสน์ ศรีพนา เป็นผู้ให้ความรู้
Blind Spot หมายถึง จุดหรือมุมที่คนขับรถไม่สามารถมองเห็นได้ขณะขับรถ หรือเป็นมุมที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้โดยที่คนขับรถยังไม่ทันรู้ตัว ซึ่งอีกนัยหนึ่งหากคุณขับรถไปอยู่ในจุดบอดของคันอื่น ก็อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ โดยจุดบอดของคนขับรถ มีดัวนี้
1. กระจกมองข้าง ด้านข้างรัศมีห่างออกไปเกิน 2 เมตร จำนวน 2 จุด
2. กระจกมองหลัง มุมก้มประชิดท้ายรถ จำนวน 1 จุด
3. มุมทะแยงขอบกระจกหน้า จำนวน 2 จุด
4. มุมด้านกระจกของประตูหลัง ในจังหวะเลี้ยวรถ
5. หากเป็นรถสูง เช่น รถบรรทุก-รถบัส จะมีมุมก้มรอบตัวรถด้วย
ส่วนวิธีป้องกันสามารถทำได้ดังนี้
2. ตั้งมุมกระจกมองข้าง ให้มองเห็นด้านข้างได้ 1 เลนครึ่ง โดยให้เห็นส่วนท้ายของรถน้อยที่สุด และค่อนข้างเป็นมุมก้ม
3. ตั้งมุมกระจกมองหลัง ให้มองเห็นกระจกหลังเต็มบาน
4. เลือกซื้อรถที่กระจกมองข้างเป็นเลนกว้าง(Wide) หรือเป็นรถที่มีเซ็นเซอร์ หรือกล้องมองหลัง5. หากต้องการจะเปลี่ยนเลน ต้องเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า และเปลี่ยนอย่างช้าๆตามจังหวะ หากไม่ชัวร์ ให้หันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว
6. ขณะขับรถปกติ ควรมองกระจกมองข้างและกระจกมองหลังทุก5-10วินาที
7. ไม่แขวนหรือวางสิ่งของบริเวณกระจกทุกบาน หากไม่จำเป็น
วิทยากรโตโยต้า ยืนยันรถทุกคันทุกขนาดมี Blind Spot เหมือนกันหมด แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะของรถและกระจก ซึ่งการป้องกันก็ทำได้เพียงลดจุดบอดให้เหลือน้อยที่สุดเท่านั้น และทางที่ดีที่สุดทุกครั้งที่นั่งหลังพวงมาลัย ต้องไม่ประมาทครับ
By: DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
สาธิตวิธีนำจักรยานขึ้นลงรถไฟฟ้าอย่างถูกต้อง
หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาการจราจรคับคั่ง คือการลดการใช้รถยนต์ หันมาพึ่งระบบขนส่งมวลชนสาธารณะแทน แต่เนื่องด้วยเส้นทางที่อาจยังไม่ครอบคลุม "จักรยาน"จึงถูกนำมาเป็นตัวเลือกในการทุ่นแรง เปลี่ยนจากการ"เดิน"มาเป็นการ"ปั่น"
หลายภาคส่วนสนับสนุนให้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่คุณเคยทราบหรือไม่ว่า วิธีการนำจักรยานติดตัวคุณขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้อง เช่น รถไฟฟ้าMRTอนุญาตให้เฉพาะจักรยานแบบพับได้เท่านั้น หรือบนรถไฟฟ้าBTSควรนำรถจักรยานขึ้นบริเวณรอยต่อของขบวน ฯลฯ
ในคลิปนี้มีคำตอบครับ !!
by DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
หลายภาคส่วนสนับสนุนให้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่คุณเคยทราบหรือไม่ว่า วิธีการนำจักรยานติดตัวคุณขึ้นลงรถไฟฟ้า ต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้อง เช่น รถไฟฟ้าMRTอนุญาตให้เฉพาะจักรยานแบบพับได้เท่านั้น หรือบนรถไฟฟ้าBTSควรนำรถจักรยานขึ้นบริเวณรอยต่อของขบวน ฯลฯ
ในคลิปนี้มีคำตอบครับ !!
by DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
กล้อง DSLR กับใบสั่ง"จอมแชท"
กล้อง DSLR หรือ Digital Single Lens Reflex เป็นกล้องดิจิตอลคุณภาพสูง ที่สะท้อนภาพจากเลนส์ด้วยระบบดิจิตอล ทำให้มีความคมชัดเสมือนจริงกว่ากล้องทั่วไป โดยภาพที่ได้จะแตกต่างกันตามคุณสมบัติของเลนส์ที่ใช้ และแลกด้วยราคาที่สูงตาม
กล้อง DSLR ของตำรวจที่สามารถถ่ายภาพผู้ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่รถยนต์บนท้องถนน จะต้องเป็นเลนส์ที่สามารถซูมภาพได้จากระยะไกล และอาจถ่ายภาพทะลุกระจกเห็นเงาการกระทำความผิดได้ชัดเจนพอจะออกใบสั่งส่งตรงถึงบ้าน โดยตำรวจมักเลือกยืนบนจุดสูงข่ม เช่น บนสะพานลอย หรือเป็นจุดลับตาตามมุมตึก ที่อยู่ห่างจากเป้าหมายได้ 50-100 เมตร และแน่นอนว่า เลนส์ที่ใช้จะต้องระดับ 18-105 ,55-300 VR มีราคาไม่ต่ำกว่า10,000-50,000บาทแน่นอน
การใช้กล้อง DSLR ในงานตำรวจจราจรมีตั้งแต่ต้นปี2556 ในโครงการ"ตำรวจจราจรใช้กล้อง DSLR ตรวจจับคนทำผิดกฎจราจร" สมัยพล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร เป็นรองผบช.น. โดยใช้ สน.คลองตัน และสน.บางนา จัดชุดกล้องจราจรนำร่องเขตนครบาล แต่ตอนนั้นเน้นการบันทึกภาพความผิดจราจรทั่วไป เช่น การฝ่าไฟแดง การเบียดแซง ขี่จยย.ซ้อนสาม ย้อนศร ฯลฯ และส่งหมายไปถึงบ้าน แทนการตั้งด่านที่ทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งแม้จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีการสานต่ออย่างจริงจังนักหลังหมดวาระตั้งแต่กลางปี อีกทั้งมิได้ใช้งบของทางราชการด้วย
ปัจจุบันเมื่อเริ่มเอาผิด"จอมแชท"อย่างจริงจังไปวานนี้(5ส.ค.) จับกุมได้ร่วม100ราย จาก90แยกทั่วกทม. อีกทั้งกล้อง DSLR ถูกนำมาปัดฝุ่นใช้งานอีกครั้งในพื้นที่สน.คลองตัน ใครขับรถไปคุยไปหรือแชทไป จะถูกบันทึกภาพและออกใบสั่งส่งไปที่บ้านทันที มีโทษปรับ400-1,000บาท มีหลักฐานชัดเจนป้องกันการแก้ตัว เลี่ยงการเผชิญหน้าระหว่างตำรวจและประชาชน ในอนาคตเชื่อว่าจะสามารถลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้แน่นอน แต่ต้องรอดูต่อไปว่าจะสานต่อโครงการนี้ได้นานแค่ไหน
Credit. ภาพ เฟสบุ๊คเรารักด่านตำรวจ
DJ. อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
10 พฤติกรรม ถ้าไม่อยากเป็น"มนุษย์ป้าเล่นไลน์"
ปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน Line ทั่วโลกกว่า 490 ล้านคน โดยประเทศไทยมีเกือบ 29 ล้านไอดี มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น และคาดว่าจะทะลุ 30 ล้านไอดีภายในปีนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดผู้ใช้งาน Line เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดกว่าแอพพลิเคชั่นอื่น คือ "ผู้ใช้งานใหม่" ที่ไม่ใช่แค่วัยเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน แต่กลุ่มที่แอพพลิเคชั่นอื่นแทบไม่มี คือ "กลุ่มผู้ใช้งานสูงวัย" กลุ่มผู้ใช้งานสูงวัยในที่นี้ อาจไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้ที่มีอายุมาก แต่รวมถึงผู้ที่ตามปกติอาจไม่สนใจเข้าสู่สังคมโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค แต่ด้วยความจำเป็นบางประการ เช่น หน้าที่การงาน หรือเพื่อนเก่าเล่นกันเยอะ และการสมัครก็ทำได้ไม่ยาก สามารถเชื่อมต่อรายชื่อเพื่อนกับสมุดโทรศัพท์และอีเมลได้ทันที แต่ปัญหาสำคัญคือ ผู้ใช้งานกลุ่มนี้ มักเป็น"มือใหม่"ที่มักทำเปิ่นในสายตา"มือเก่า" เช่น
1. มีไอดีใช้งาน แต่กลับไม่ใช้งาน นานๆครั้งจะเปิดอ่าน กว่าจะตอบข้ามวันข้ามสัปดาห์
2. มีพฤติกรรมการพิมพ์โต้ตอบแบบ"ไม่จบ" เช่น คุยไปเรื่อยๆ ใช้ประโยคคำถามตลอด
3. ส่งสติ๊กเกอร์เยอะเกินไป ในห้องกลุ่มที่อยู่กันหลายคน
4. นำบทความ หรือข้อมูลยาวๆ หรือเรื่องราวขำขัน ส่งให้เพื่อนเป็นประจำ
5. วิจารณ์ทุกเรื่องอย่างจริงจังเอาเป็นเอาตาย ไม่ปล่อยวาง
6. มักทักทายเพื่อนว่าไปไหนทำอะไรมา เพราะดูมาจากไทม์ไลน์ หรือเฟสบุ๊ค
7. ขุดภาพเก่า มาเล่าใหม่ และส่งให้เพื่อนดูเป็นชุดๆ
8. ตื่นตระหนกต่อข่าวลือ เช่น "เขื่อนมีรอยร้าวจากเหตุแผ่นดินไหว เตือนภัยน้ำท่วมหนัก"
9. หวังดีส่งต่อข้อความเก่า หรือไม่รู้ที่มา เช่น "จะมีพระจันทร์2ดวง เพราะดาวอังคารใกล้โลก"
10. รับข้อความไม่ได้-ส่งไม่ไป เพราะไม่มีเน็ต แต่บ่นยังไม่ได้ข้อความ หรือเข้าใจผิดว่าส่งแล้ว
พฤติกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างของ"มือใหม่"และมักเป็น"กลุ่มผู้ใช้งานสูงวัย" ที่อาจยังรู้ไม่เท่าทันสังคมออนไลน์ และใช้งานไม่ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว รู้เช่นนี้แล้ว อย่าให้"มือเก่าอายุน้อย"มาลบคุณออกจากกลุ่มได้ครับ :)
by : DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
หยุดเข้าใจผิด! แจ้งความคนหาย ไม่ต้องรอ24ชม.
การแจ้งความคนหาย ไม่มีกฏหมายข้อใดระบุว่าต้องรอให้เวลาผ่านไป 24 ชั่วโมงจึงจะแจ้งความได้ ญาติสามารถไปสถานีตำรวจท้องที่ที่คนหาย เพื่อแจ้งความและให้รายละเอียดกับพนักงานสอบสวน และควรขอสำเนาบันทึกประจำวันและหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพนักงานสอบสวน เพื่อประสานงานหรือสอบถามความคืบหน้าด้วย
ปัญหาที่ญาติคนหายพบเสมอในการแจ้งความ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่า คนหายยังหายไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง ถือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจใช้ดุลพินิจในการไม่รับแจ้งความกรณีไม่สมเหตุสมผล เช่น คนหายขาดการติดต่อ หรือกลับบ้านคลาดเคลื่อนจากเวลาปกติ แต่ถ้าเป็นกรณีเด็กเล็ก คนชรา หรือผู้ป่วยที่มีอาการทางสมอง สามารถแจ้งความได้ทันที
ก่อนหน้านี้มูลนิธิกระจกเงา ได้รณรงค์ให้มีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และต้องมีกระบวนการสืบสวนติดตามในทันที เพราะช่วงเวลา 48 ชั่วโมงแรกถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการค้นหา โดยหลังจากคดี"น้องการ์ตูน" สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำชับพนักงานสอบสวนทุกท้องที่ให้รับแจ้งความคนหายในทุกกรณี และทำการสืบสวนสอบสวนตามหาคนหายทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมง แต่ล่าสุดในทางปฏิบัติก็ยังคงพบกรณีเดิมอีกครั้งในคดีของ"น้องเนม"
by : DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
ทำไม.. ฝนหนักทีไร นำ้ท่วมทุกที
การแก้ปัญหา"ฝนตกน้ำท่วมในกทม." เหมือนเป็นปัญหาโลกแตกคล้ายการแก้ปัญหา"รถติดในกทม." สาเหตุหลักเป็นผลจากการขยายตัวของเมืองที่มีความแออัดมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ที่เคยเป็นทางน้ำไหลผ่าน ถูกทับด้วยสิ่งปลูกสร้าง แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ"ระบบระบายน้ำ" ที่ถูกสร้างเป็นรากฐานเมืองหลวงเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ระบบท่อระบายน้ำในกทม. สร้างเมื่อปีพ.ศ.2520 ออกแบบให้สามารถระบายน้ำได้ 60 มม./ชม. หมายถึง เมื่อมีฝนตกลงมา น้ำจะไหลลงท่อระบายน้ำขนาดต่างๆที่อยู่ตามแนวถนนและทางเท้า รองรับปริมาณได้สูงสุด 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายสู่คลอง ออกไปยังสถานสูบน้ำ ก่อนไหลลงแม่น้ำ หากปริมาณน้ำมากเกินกว่านั้น น้ำจะท่วมรอการระบายลงท่อ
สมัยก่อนยังมีพื้นที่ว่างรอรับน้ำอีก เช่น ผิวดิน สนามหญ้า ลานกว้าง หนองน้ำ ป่าปรือ ฯลฯ แต่ด้วยการขยายตัวของประชากรและสิ่งปลูกสร้างในเมือง ทำให้ปัจจุบันมีบ้านพักอาศัย อาคาร ตึก ฯลฯ เข้ามาแทนที่พื้นรับน้ำเดิม ยิ่งสร้างใหม่ก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุหลักให้น้ำที่รอการระบายไหลเข้ามาท่วมบนถนนแทน ทั้งที่ปริมาณฝนยังคงมีค่าเฉลี่ยเท่าเดิมที่ 1,500 มิลลิเมตรต่อปี และส่วนใหญ่จะตกหนักในเดือนกันยายน แนวทางการขยายระบบระบายน้ำให้มากกว่า 60 มม./ชม. นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับในเขตเมือง หากคิดภาพอย่างง่ายที่สุด ปิดการจราจรถนนสุขุมวิท เพชรบุรี ลาดพร้าว ฯลฯ เพื่อเปิดผิวถนนรื้อท่อระบายเก่า และใส่ของใหม่ไป ใช้เวลาดำเนินการ 6 เดือน แค่คิดก็โกลาหล! การจราจรติดขัด กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และต้องใช้งบประมาณมากมายมหาศาล ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมในกทม.เป็นเหมือนปัญหาโลกแตกนั่นเอง
แต่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้! ปัจจุบันเขตเมืองรอบนอกที่สร้างขึ้นใหม่ เช่น โซนตะวันออก รามอินทรา มีนบุรี ออกแบบท่อระบายน้ำให้รองรับได้ถึง 80 มม./ชม. แล้ว ส่วนเขตเมืองรอบในเมื่อขยายท่อเดิมไม่ได้ จึงมีแนวคิดที่จะสร้างท่อระบายน้ำเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำให้มากกว่า 60 มม./ชม. เพราะระบบคลองที่รอรับน้ำสามารถรองรับได้เกิน 80 มม./ชม. อยู่แล้ว เช่นเดียวกับระบบอุโมงค์ระบายน้ำที่ตอนนี้มีแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ อุโมงค์มักกะสัน และอุโมงค์พระราม9 และที่กำลังจะสร้างเสร็จในปี2559 คือ อุโมงค์บางซื่อ จะสามารถระบายน้ำจากต้นอุโมงค์ไปสู่ปลายอุโมงค์ลงแม่น้ำได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ขนาดท่อระบายน้ำไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำ แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน ทั้งลักษณะอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ และสภาพแวดล้อม เช่น เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ก็มีประสิทธิภาพการระบายน้ำฝนไม่เกิน 60 มม./ชม. เช่นเดียวกัน
หันกลับมาดูในกทม. สิ่งที่พอจะทำได้ก่อนการขยายระบบท่อระบายน้ำ คือการแก้ปัญหา"ขยะ"ตามท่อระบายน้ำ เพราะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลงได้มากถึงร้อยละ50 สอดคล้องกับที่เวลาฝนตกน้ำท่วมจะมีเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำลงพื้นที่ เพื่อดูว่ามีขยะไปอุดตันตรงไหนจุดใดหรือไม่ และหากอยู่ใกล้แนวคลองก็สามารถใช้เครื่องสูบน้ำช่วยได้ในระดับหนึ่ง ..ดังนั้น จงเริ่มที่ตนเองครับ ใช้ 60 มม./ชม. ที่มี ให้เต็มประสิทธิภาพเสียก่อน!
สนับสนุนข้อมูลจาก สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร
by: DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
แก๊งแฮก LINE หลอกโอนเงิน ออกอาละวาด
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. คุณอ้อ เล่าออกอากาศผ่านจส.100 ว่ารุ่นน้องที่ทำงานโดนแฮกไลน์ โดยคนร้ายส่งข้อความหาเพื่อนในกลุ่มไลน์ในลักษณะ "ขอให้ช่วยโอนเงิน หรือซื้อบัตรเติมเงิน จำนวน 6,000 บาท มีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ" โดยผู้เสียหายเป็นเพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะใกล้กัน จึงหันไปสอบถาม ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งทราบว่าไลน์ถูกแฮก และไม่สามารถเข้าไลน์ของตัวเองได้ ส่วนคนที่เป็นเพื่อนในไลน์กับผู้เสียหายก็ได้รับข้อความนี้กันหลายคน จึงให้รีบไปลงบันทึกประจำวันกับสถานีตำรวจ และแนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจปอท.ด้วย
จากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้กำลังระบาดอย่างรวดเร็ว แม้วิธีการแฮกยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานขั้นพื้นฐานได้ดังนี้
1.คนร้ายทราบอีเมลของเหยื่อ และเดาพาสเวิร์ดพื้นฐาน เช่น วันเดือนปีเกิด
2.เหยื่อเคยบอกอีเมล-พาสเวิร์ดให้คนร้ายทราบ เช่น เผลอบอกในเกม
3.เหยื่อเคยโหลด LINE for PC จากเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ถูกขโมยข้อมูล
4.เหยื่อเคย ล็อกอินไลน์ ขณะเชื่อมต่อ WIFI ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ถูกบันทึกข้อมูล
เมื่อคนร้ายทำการล็อกอินในมือถือเครื่องอื่น จะทำให้ไลน์ในมือถือของเราเด้งออกทันที และหากถูกเปลี่ยนพาสเวิร์ด เราก็จะไม่สามารถเข้าอีก จากคนร้ายจะล็อกอิน ไอดี ของเหยื่ออีกครั้งในคอมพิวเตอร์ เพราะจะสามารถย้อนดูประวัติการสนทนาของเราได้ เพื่อเลียนแบบวิธีคุย และดูว่าเราสนิทสนมกับใคร ก่อนสวมรอยส่งข้อความขอยืมเงิน
วิธีการป้องกันขั้นพื้นฐาน
1.ไม่ควรบอกอีเมล-พาสเวิร์ดไลน์ให้ใครเด็ดขาด
2.ไม่ควรบันทึกอีเมล-พาสเวิร์ดไลน์ไว้ในระบบ cloud เพราะอาจถูกดึงไปได้
3.ไม่ควรตั้งพาสเวิร์ดที่เดาได้ง่าย และควรเปลี่ยนบ่อยๆ (More > Settings > Accounts)
4.หากอยากเล่นไลน์ในคอมพิวเตอร์ ให้โหลดจากเว็บไซต์ http://line.me/th/ เท่านั้น
5.ปิดตั้งค่าการเล่นบนคอมพิวเตอร์ถ้าไม่เล่น (More > Setting > Account > Allow Login)
6.หลังจากการแชทเสร็จสิ้น ควรลบบทสนทนาหากไม่จำเป็น
7.หากเพื่อนขอยืมเงิน ควรโทรศัพท์สอบถามกันก่อน
8.หากเข้าไลน์ตนเองไม่ได้ ควรรีบแจ้งลืมพาสเวิร์ด และเปลี่ยนทันที
9.หากถูกแฮกไลน์ ควรแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ และตำรวจปอท. ที่ศูนย์ราชการฯ
เหตุการณ์แฮกไลน์ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยแห่งแรก แต่เคยเกิดขึ้นแล้วที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
By: DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
ยอมรับผิด แต่ไม่อยากจ่ายค่าปรับ ใบสั่ง ..ทำได้ไหม?
หากคุณถูกใบสั่งในพื้นที่สภ.เมืองนนทบุรี คุณสามารถเข้าอบรมวินัยจราจรแทนการเสียค่าปรับได้ ในโครงการ"จับเพราะรัก" ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี ด้วยการให้ผู้กระทำผิดกฏจราจรเข้าอบรมวินัยจราจรแทนการเสียค่าปรับ ลดภาระค่าใช้จ่าย และให้ผู้ขับขี่ได้รู้ถึงอันตรายจากการฝ่าฝืนกฎจราจร ได้รู้สภาพปัญหาอันเกิดจากการขาดวินัยจราจรของผู้ขับขี่ จะได้ไม่กระทำผิดซ้ำ และเป็นเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุด้วย การอบรมจะกำหนดนัดรวมกันเป็นกลุ่มครั้งละประมาณ200คน ใช้เวลาอบรมครึ่งวัน ที่อาคารบริษัทไทยประกันชีวิต ถ.รัตนาธิเบศร์ เน้นภาคทฤษฎี กฏจราจร การแก้ปัญหาจราจร และฉายวีดีทัศน์อุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท
ประชาชนให้การรับตอบรับที่ดีจากประชาชน เพราะก็เข้าใจการทำงานของตำรวจจราจรมากขึ้น ปัจจุบันมีการจัดอบรมแล้ว6ครั้ง มีผู้ผ่านการอบรมแล้วเกือบ1,000คน จากรุ่นแรกเมื่อปี2556 มีผู้เข้าอบรมเพียง15คน ซึ่งขณะนั้นจะมีการพาลงพื้นที่จริงดูการทำงานที่แยกไฟแดงในช่วงบ่ายด้วย ทั้งนี้ผู้ที่เข้ารับการอบรมมักเป็นผู้ที่ถูกส่งใบสั่งถึงบ้าน ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับการฝ่าสัญญาณไฟแดง และการเปลี่ยนเลนเส้นทึบ ที่ถูกกล้องตามสี่แยกถ่ายไว้ได้ โดยที่ใบสั่งจะมีการปั๊มประชาสัมพันธ์โครงการไว้ สามารถเลือกได้ว่าจะเสียค่าปรับหรือว่าจะเข้าอบรมแทน ซึ่งต้องแสดงความประสงค์ภายใน7วัน ตามหมายเลขโทรศัพท์02-588-0678 และแต่ละคนมีสิทธิ์เข้าอบรมได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โครงการนี้จัดเป็นหนึ่งในโครงการที่ดี เน้นการปลูกฝังจิตสำนึกมากกว่าการประสงค์เรียกทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด อีกทั้ง สภ.เมืองนนทบุรี ยังขึ้นชื่อว่ามีการใช้เทคโนโลยีกล้องตามแยกไฟแดงอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนอีกด้วย อย่างไรก็ตามโครงการ"จับเพราะรัก"ได้ขยายครอบคลุมพื้นที่10สถานีตำรวจ สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีแล้ว
DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
ระวัง! ภาพตัดต่อโปรโมชั่นสมัครเล่นเน็ตไม่จำกัด
ภัยทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ครูปแบบล่าสุด พบว่ามีผู้ไม่หวังดีตัดต่อภาพโปรโมชั่นแพคเกจอินเตอร์เน็ตของค่ายมือถือ บิดเบือนจากแพ็กเกจที่แท้จริง ทำให้มีผู้เสียหายหลายคนหลงกดสมัครเพราะเห็นว่าคุ้มค่าโดนใจ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เป็นไปตามภาพที่ระบุไว้และเสียเงินเปล่า
หนึ่งในค่ายมือถือที่ตกเป็นเหยื่อรายแรกๆ คือ Truemove-H โดยในภาพโปรโมชั่นระบุข้อความ "Truemove-H ออกแพ็กเกจใหม่ 89 บาทต่อสัปดาห์ เล่นเน็ต 3G ไม่จำกัด ความเร็วสูงสุด 1Mbps เพียงกด *900*8924# โทรออก"
จากนั้นเมื่อผู้เสียหายกดสมัครโปรโมชั่น กลับมีข้อความยืนยันการสมัครว่า เป็นแพคเกจเน็ต 79 บาท 1GB 7วัน เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง..." ซึ่งหมายความว่า เป็นคนละแพคเกจที่ผู้เสียหายตั้งใจจะสมัคร จนมีหลายคนต้องโทรศัพท์ไปสอบถามกับ Call Center เพื่อขอยกเลิกเนื่องจากเข้าใจผิด
ขณะที่ผู้ใช้งานชื่อ intelligence ที่คอยรับเรื่องดำเนินการและตอบคำถามบริการของ True บนเว็บไซต์พันทิป ชี้แจงว่า " การกด *900*8924# โทรออก ในระบบจะไม่ใช่โปรโมชั่นดังกล่าว แต่เป็นแพคเกจเสริมเพิ่มความเร็ว 3G Net 1 GB 79 บาท 7 วัน" ก่อนรับเรื่องไปดำเนินการตรวจสอบที่มาของภาพโปรโมชั่นปลอมดังกล่าว
จากการวิเคราะห์ภาพโปรโมชั่นปลอมดังกล่าว พบว่ามีการตัดต่อ ภาพผิดปกติ รูปแบบตัวอักษรผิดปกติ และหากวิเคราะห์โปรโมชั่นก็แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ เพราะค่ายมือถือมักจำกัดปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ต(FUP) ตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว ทั้งนี้ผู้เขียนได้นำภาพโปรโมชั่นปลอมดังกล่าวไปสอบถามที่ศูนย์บริการ ได้คำตอบว่า ไม่ทราบที่มาของภาพ และหากไม่ใช่ภาพที่เผยแพร่ตามเว็บไซต์ของค่ายมือถือ ก็ยากที่จะรับรองข้อเท็จจริงได้
แม้จะยังไม่มีการชี้แจง แจ้งความ หรือแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจากค่ายมือถือ และภาพโปรโมชั่นปลอมดังกล่าวยังไม่ถูกเผยแพร่เป็นวงกว้างนัก เพราะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของต้นตอข่าวเท็จ ชาวเน็ต-ชาวโซเชี่ยลทุกคนสามารถช่วยได้ โดยหยุดการกระจายข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ส่งต่อ และควรตรวจสอบข้อมูลโปรโมชั่นอย่างรอบด้านก่อน หากต้องการสมัครแพคเกจควรเข้าไปดูในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของค่ายมือถือ หรือโทรสอบถาม Call Center เพื่อให้ได้แพ็กเกจที่ถูกตรงตามความต้องการ หรือถ้าพลาดกดสมัครไปแล้ว ควรรีบแจ้งยกเลิกในทันทีที่ Call Center ของแต่ละค่ายมือถือ : AIS โทร.1175 ,DTAC โทร.1678 และTruemove-H โทร.1331
ข้อมูลประกอบที่มา
http://pantip.com/topic/32831845
BY: ดีเจ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
Profile อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
ชื่อ : นาย อภิสุข
เวทยวิศิษฏ์
ชื่อเล่น :อู
วันเกิด : 13 ตุลาคม
TEL : 081-829-9941
E-mail : au_ie@hotmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/djabhisuk
Twitter : @reporter_js13
Twitter : @reporter_js13
การศึกษา : ปริญญาตรี
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อาชีพ : ผู้ดำเนินรายการ ผู้สื่อข่าว สถานีวิทยุ จส.100 และแอดมินทวิตเตอร์ @js100radio
งานอดิเรก : สอนกอล์ฟ
ป้ายกำกับ:
กอล์ฟ,
จส.100,
ดีเจ,
ผู้ดำเนินรายการ,
เวทยวิศิษฏ์,
อภิสุข,
อู,
Abhisuk,
DJ,
js100radio,
reporter_js13,
vevisid
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)