นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ นายแพทย์ชำนาญการ รพ.ศรีธัญญา และโฆษกกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า จากสถิติแนวโน้มการฆ่าตัวตายพบมากขึ้นในกลุ่มคนสูงอายุ อาจเพราะคนไทยมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น เมื่อมีชีวิตนานขึ้นกลับทำให้มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงขึ้นตาม โดยเฉพาะปัจจัยรอบตัวที่ทำให้รู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย หรือเป้าหมายชีวิตลดลง
วิธีสังเกตเบื้องต้น หากเห็นว่าคนในครอบครัวเศร้ากว่าปกติ อย่ารอจนอาการเยอะ ให้เราตั้งสติตัวเอง เข้าไปรับฟังพูดคุย ไม่ควรพูดประชดประชัน เพราะเขามีความทุกข์อยู่ แต่ถ้าเราดูแล้ว เขาเริ่มมีการแสดงออก เช่น การพูด การโพสต์ ว่าตนเองไม่มีค่า เป็นภาระ ยิ่งต้องรีบให้ความสนใจ อย่ามองว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ ซึ่งบางสถานการณ์อาจยังไม่ถึงคิดฆ่าตัวตาย แต่ถ้าเริ่มมีจดหมายลาตาย หรือวางแผนสิ่งที่ต้องทำ อย่าไปว่า อย่าซ้ำเติม อย่ากดไลค์กดแชร์ อย่าส่งต่อ และต้องรีบติดต่อคนที่บ้านให้ไปช่วย
การฆ่าตัวตาย ไม่จำเป็นต้องมาจากการเป็นโรคซึมเศร้าเสมอไป บางคนมีอาการทางจิต หรือวิตก ทรมานกับอาการบางอย่าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพหรือโรคเรื้อรัง อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ ส่วนการฆ่าตัวที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ มักพบในวัยรุ่น อาจมาจากการสูญเสียอะไรบางอย่าง ปรับตัวไม่ได้ กดดัน และหาทางออกไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น การใช้สารเสพติด และแอลกอฮอล์
สำหรับการฆ่าตัวตายในผู้หญิง มักจะเป็นการ'พยายามฆ่าตัวตาย' ซึ่งมักจะช่วยได้ทัน แต่ในผู้ชายมีโอกาส'ฆ่าตัวตายสำเร็จ'มากกว่า มักจะช่วยได้ยากและไม่ทัน อย่างไรก็ตามการฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับสาเหตุและปัจจัยที่แตกต่างกันไป หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมและปรึกษา ติดต่อสายด่วนกรมสุขภาพจิต โทร. 1323
อภิสุข เวทบิวิศิษฏ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น