แม้โครงการคนละครึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากได้ประโยชน์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ขณะเดียวกันยังมี"ร้านค้าขี้โกง"หาประโยชน์จากช่องว่างของมาตรการ จนทำให้เสียบรรยากาศและอาจมีผลต่อการพิจารณาขยายโครงการต่อ ซึ่งกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และตำรวจ ปอศ. ร่วมกันติดตามดำเนินคดีย้อนหลัง ถูกยึดเงินและถูกตัดสิทธิ์ในทันที JS100 รวบรวมกลโกงมาให้ มีทั้งเกิดขึ้นจริงและมีความเป็นไปได้ ดังนี้
1. เบิกเป็นเงินสด
กลโกง: ร่วมกันโกงทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ซื้อทำทีชำระเงินผ่าน G-Wallet เข้าร้านค้าโดยไม่ได้มีการซื้อขายของจริง จากนั้นร้านค้าคืนเป็นเงินสดให้ แล้วนำวงเงิน 150 บาท มาแบ่งกันแล้วแต่ตกลงหัวคิว วินทั้งคู่
การดำเนินการ: รัฐสามารถตรวจสอบผ่านการทำรายการได้ อาทิ การชำระเงินผิดปกติหรือไม่? ผู้ซื้อจ่ายเงินยอดซ้ำ ยอดเดิม ร้านเดียว หรือไม่?
2. จ่ายครึ่ง ก็รับของครึ่ง
กลโกง: ร้านค้าลดปริมาณสินค้าหรือบริการให้น้อยลง โดยอ้างว่าผู้ซื้อจ่ายราคาครึ่งเดียว ทั้งที่จริงแล้วอีกครึ่งนั้นรัฐจ่ายให้ร้านค้าได้รับเงินเต็มจำนวน ไม่ได้ถูกหักแต่อย่างใด
การดำเนินการ: ผู้ซื้อปกป้องสิทธิ์ตนเอง ด้วยการไม่สนับสนุน ไม่ซื้อสินค้าหรือบริการ และสามารถแจ้งตำรวจ หรือสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค เข้ามาตรวจสอบได้
3. ขึ้นราคา
ร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสูงจากเดิม เพราะเห็นว่าลูกค้าเยอะขึ้น และจ่ายเงินเพียงครึ่งเดียว คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ตัวร้านค้ากลับได้กำไรเท่าตัว
การดำเนินการ: ผู้ซื้อปกป้องสิทธิ์ตนเอง ด้วยการไม่สนับสนุน ไม่ซื้อสินค้าหรือบริการ และสามารถแจ้งตำรวจ หรือสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค เข้ามาตรวจสอบได้
4. ไม่มีร้านจริง
กลโกง: ลงทะเบียนร้านค้าปลอม ทั้งที่ไม่มีร้านค้าจริง ตั้งร้านค้าหลอก โดยปกติไม่ได้ขายสินค้าหรือบริการใดโดยตรง
การดำเนินการ: ในขั้นตอนการลงทะเบียนร้านค้า ธนาคารกรุงไทยจะเป็นผู้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบว่าร้านค้ามีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งแม้หากมีช่องว่างให้ตบตาได้ แต่ธุรกรรมการทำรายการต่างๆ จะเป็นตัวบ่งชี้ได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่ากลโกงต่างๆล้วนเกิดจากการหาช่องโหว่ของมาตรการทั้งสิ้น ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา และไม่สนับสนุนการโกงทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ อย่าลืมว่าวงเงินวันละ 150 บาท แม้จะไม่ได้มากอะไร แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการหมุนเวียนเงินให้การใช้จ่ายและการซื้อขายต่างหาก ที่เป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของโครงการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น