วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

"รถแบตหมด" สาเหตุอันดับต้นๆของเหตุรถเสีย พ่วงแบตให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัย



     "รถแบตหมด" สาเหตุอันดับต้นๆของเหตุรถเสียที่ JS100 ได้รับแจ้งบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ อาทิ น้ำกลั่นพร่อง ไม่เก็บไฟ หมดอายุการใช้งาน และสาเหตุที่มาจากตัวเจ้าของรถที่ลืมปิดไฟของหน้ารถ ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชม. ทำให้สตาร์ทไม่ติดนั่นเอง ซึ่งการแก้ปัญหาในเบื้องต้นมักจะเริ่มที่การพ่วงแบตเตอรี่ หรือที่เรียกติดปากว่า "จั๊มแบต"



  1. พยายามเข็นรถมาบริเวณที่ปลอดภัย และมีพื้นที่พอสมควรสำหรับรถอีกคันที่จะมาช่วยเหลือเพราะหลายครั้งเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการช่วยเหลือ

  2. นำรถที่มีแบตเตอรี่ปกติ มาช่วยพ่วงแบตเตอรี่ โดยให้ตำแหน่งของจุดวางแบตเตอรี่ของทั้ง 2 คันอยู่ใกล้ๆกัน ดังนั้นควรดูก่อนว่าตำแหน่งแบตเตอรี่ อยู่ที่ใด เพราะบางคันอยู่กระโปรงหน้ารถ บางคันอยู่ท้ายรถ

  3. ปิดสวิตซ์และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในทั้ง 2 คัน รวมถึงห้ามสูบบุหรี่หรือพฤติกรรมใดๆที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ



   4. นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วบวก 'สีแดง' คีบที่แบตเตอรี่ฝั่งขั้วบวกของรถคันที่เสีย แล้วนำสีแดงอีกด้านไปคีบที่แบตเตอรี่ฝั่งขั้วบวกของคันที่มาช่วย

   5. นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบ 'สีดำ' คีบที่แบตเตอรี่ขั้วลบของรถอีกคันที่มาช่วย แล้วนำสีดำอีกด้านไปหนีบส่วนที่เป็นโลหะในเครื่องยนต์ส่วนใดก็ได้ เพื่อเป็นการสร้างระบบกราวนด์ **ไม่ควรต่อสายพ่วงเข้ากับแบตเตอรี่ขั้วลบของอีกคันที่แบตเตอรี่หมด อาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ **

   6. เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่มาช่วย ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อย เพื่อให้มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า



    7. สตาร์ทเครื่องยนต์คันที่เสีย เร่งเครื่องใน 1,500 - 2,000 รอบต่อนาที เพื่อตรวจสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้าหลังจากการชาร์จไฟแบตเตอรี่

    8. ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ เริ่มจากสายสีดำคันที่เสียก่อน ตามด้วยสีดำคันที่มาช่วย จากนั้นถอดสายสีแดงคันที่มาช่วย เหลือแล้วค่อยถอดสายสีแดงคันที่เสีย ตามลำดับ)

    9. นำรถที่เสียเข้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทันที เพราะถ้าดับเครื่องยนต์อีกก็จะสตารทไม่ติดเช่นเดิม



     สำหรับสายพ่วงแบตนั้น หากเป็นรถยนต์ทั่วไปจะเป็นสายขนาด 12 โวลต์ ความยาว 2.5 - 4 เมตร ควรใช้สายไฟที่แข็งแรงมีคุณภาพ และไม่เล็กจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจใช้เวลานาน หรือสตาร์ทไม่ติด หรืออาจทำให้เกิดไฟกระชากแบตเสียตามกันทั้งคู่ก็เป็นได้ ส่วนหัวคีบก็ต้องแข็งแรง สีของสายช่วยไม่ให้สับสนเวลาใช้งานเท่านั้น แต่ภายในเหมือนกันหมด

     อย่างไรก็ตาม รถที่สตาร์ทไม่ติดใช่ว่าจะแบตเตอรี่หมดเสมอไป เพียงแต่แบตเตอรี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเครื่องยนต์ จึงมักถูกสันนิษฐานเป็นอันดับแรก แต่รถเสียสตาร์ทไม่ติดยังมีอีกหลายสาเหตุ เช่น ไดชาร์จเสีย ความร้อนขึ้น น้ำมันหมด และอื่นๆอีกมาก ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความต่อๆไป

   บทความโดย :  DJ อภิสุข เวทยวิศิษฏ์

    Cr. ภาพจาก : autofella.com , carfromjapan.com , sanantonioroadsideassistance.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น